หูดหงอนไก่ (Genital warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่เกิดจากการติดเชื้อ Human papillomavirus (HPV) ติดต่อได้จากการสัมผัสกับผิวหนังที่ติดเชื้อโดยตรง ส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันกับผู้มีเชื้อ HPV และสามารถแพร่กระจายได้แม้ผู้ที่มีเชื้อจะไม่แสดงอาการใดๆ ก็ตาม พบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 16-25 ปี ผู้ที่มักมีเพศสัมพันธ์หลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหูดหงอนไก่มากกว่า ผู้ที่มีคู่นอนเพียงคนเดียว
หูดหงอนไก่ สาเหตุเกิดจากอะไร?
สาเหตุหลักของหูดหงอนไก่ คือการติดเชื้อเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus: HPV) ซึ่งมีจำนวนกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด ที่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่ คือ สายพันธุ์ที่ 6 และสายพันธุ์ที่ 11 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง เชื้อไวรัส HPV เหล่านี้สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุผนังภายในของผู้ที่เป็นโรคนี้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสผิวหนังกับผิวหนังบริเวณที่มีเชื้อโรคอยู่ โดยเชื้อไวรัส HPV จะเข้าไปฝังตัวในเซลล์ผิวหนังหรือเยื่อบุผนังภายใน และก่อให้เกิดรอยโรคที่เป็นติ่งเนื้อขรุขระคล้ายหงอนไก่ขึ้น
หูดหงอนไก่ อาการเป็นอย่างไร?
อาการของหูดหงอนไก่ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ระยะฟักตัวของหูดหงอนไก่อยู่ที่ประมาณ 2 - 8 สัปดาห์ โดยหลังจากได้รับเชื้อแล้ว อาจไม่มีอาการใดๆ เลย หรืออาจมีอาการคัน แสบ หรือเจ็บบริเวณที่ติดเชื้อ ลักษณะของหูดหงอนไก่มักเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็ก ผิวขรุขระ คล้ายดอกกะหล่ำหรือหงอนไก่ มีขนาดตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรไปจนถึงหลายเซนติเมตร อาจมีเพียงติ่งเนื้อเดียวหรือหลายติ่งรวมกันเป็นกลุ่ม พบได้บริเวณอวัยวะเพศทั้งภายในและภายนอก เช่น รอบปากช่องคลอด ปากมดลูก ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ใต้หนังหุ้มปลายองคชาติ บริเวณองคชาติที่ขลิบแล้ว รอบทวารหนัก รูทวารหนัก และถุงอัณฑะ ในบางรายอาจมีอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บบริเวณที่มีหูดหงอนไก่ ในกรณีที่หูดหงอนไก่ขนาดใหญ่ อาจทำให้รู้สึกอึดอัดขณะปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์ได้
ภาวะแทรกซ้อนของหูดหงอนไก่
ภาวะแทรกซ้อนของหูดหงอนไก่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดความเสี่ยงต่ำ ได้แก่
อาการคันระคายเคือง
อักเสบ
ติดเชื้อแบคทีเรีย
มีเลือดออก หรือปวดบริเวณหูด
ผิวหนังหรือเยื่อบุผิวที่เป็นหูดหงอนไก่มีสีที่เข้มขึ้น หรือจางลงได้ หลังการรักษา
อาจเกิดรอยแผลเป็นนูนตามมาได้
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดความเสี่ยงสูง ได้แก่
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากช่องคลอด
มะเร็งองคชาต
มะเร็งทวารหนัก
การวินิจฉัยหูดหงอนไก่
การวินิจฉัยหูดหงอนไก่สามารถทำได้โดยแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์จะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายบริเวณอวัยวะเพศของผู้ป่วย ซึ่งหูดหงอนไก่มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อนูนขนาดเล็ก ผิวขรุขระ อาจมีสีชมพู แดง หรือเนื้อ พบได้บริเวณอวัยวะเพศภายนอก ทวารหนัก ปากมดลูก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่มีเยื่อบุอ่อน นอกจากการตรวจร่างกายแล้ว แพทย์อาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยหูดหงอนไก่ โดยการตรวจเพิ่มเติมที่นิยม ได้แก่
แพทย์จะทากรดอะซิติกเจือจางบริเวณที่สงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ หากเป็นหูดหงอนไก่ บริเวณนั้นจะมีสีซีดลง
แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อจากหูดหงอนไก่ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
ผู้หญิงที่ตรวจพบหูดหงอนไก่บริเวณปากมดลูก ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย
หูดหงอนไก่ ป้องกันได้อย่างไร?
การใช้ถุงยางอนามัย : ถุงยางอนามัยสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HPV ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เนื่องจากเชื้อ HPV สามารถแพร่กระจายได้ผ่านผิวหนังสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จึงช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ HPV ได้
การมีคู่นอนคนเดียว : การมีคู่นอนคนเดียวจะช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ HPV ได้ เนื่องจากเชื้อ HPV สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสทางเพศ
หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น : การสัมผัสกับสิ่งของที่อาจปนเปื้อนเชื้อ HPV เช่น ของใช้ส่วนตัว ของเล่นทางเพศ ก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ HPV ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้หากพบว่ามีบุคคลใกล้ชิดเป็นโรคหูดหงอนไก่
การฉีดวัคซีน HPV : วัคซีน HPV มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด และมะเร็งทวารหนัก
การรักษาหูดหงอนไก่
การรักษาหูดหงอนไก่สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และจำนวนของหูด โดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้
การใช้ยาทา : ยาทาที่ใช้รักษาหูดหงอนไก่มีอยู่หลายชนิด ยาทาเหล่านี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์หูด ทำให้หูดหลุดออกไป ตัวอย่างยาทาที่ใช้รักษาหูดหงอนไก่ ได้แก่
ยาอิมิควิโมด (Imiquimod)
ยาโพโดฟิลอก (Podofilox)
ยากรดไตรคลอโรอะเซติก (Trichloroacetic acid)
การจี้เย็น : การจี้เย็นเป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวจี้บริเวณที่เป็นหูด จะทำให้หูดหลุดออกไป
การจี้ด้วยไฟฟ้า : การจี้ด้วยไฟฟ้าเป็นการใช้ไฟฟ้าจี้บริเวณที่เป็นหูด จะทำให้หูดหลุดออกไป
การผ่าตัด : การผ่าตัดเป็นวิธีที่ใช้กำจัดหูดออกอย่างถาวร
การรักษาด้วยเลเซอร์ : การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นการใช้เลเซอร์กำจัดหูดออก
การรักษาหูดหงอนไก่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการระคายเคือง ปวด แสบ เลือดออก หรือแผลเป็น แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
รักษาหูดหงอนไก่ เชียงใหม่ ได้ที่ไหน?
สำหรับชาวเชียงใหม่ ที่ต้องการ ตรวจคัดกรองหูดหงอนไก่ หรือ รักษาหูดหงอนไก่ สามารถเข้ารับบริการ ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ที่ให้บริการโดยทีมแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อมอบคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้กับชาวเชียงใหม่อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมบริการด้านการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และก้าวทันนวัตกรรมทางการแพทย์ ทุกข้อมูลส่วนตัวของคุณ จะเป็นความลับอย่างแน่นอน
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
ติดต่อเราได้ที่
ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่
ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me
ถึงแม้ว่าหูดหงอนไก่ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะดีกว่าไหมหากเราป้องกันไว้ก่อน โดยการก็มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย และที่สำคัญฉีดวัคซีน HPV ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันหูดหงอนไก่ เพียงเท่านี้หูหงอนไก่ก็ไม่โรคที่น่ากลัวอีกต่อไป
Comments